ผู้ว่าฯนราธิวาส พร้อมนายแพทย์ สสจ.นราธิวาส แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส และมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของจังหวัดนราธิวาส
นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า สถานการณ์ โรค COVID -19 ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1-2 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งปรากฏตามสื่อต่างๆว่ามีการแพร่ระบาดของโรค COVID -19 เกิดขึ้นในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส ถึงวันนี้ได้เตรียมการมาตรการเพื่อระงับยับยั้งและรองรับมาตรการการแก้ปัญหามาเป็นลำดับ โดยได้รับความร่วมมือจากกระทรวงสาธารณสุขโดยตรง ซึ่งปลัดกระทรวงสาธารณสุขและคณะได้เดินทางมาที่จังหวัดนราธิวาส รวมทั้งมีผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบโดยตรงจากกรมราชทัณฑ์ เดินทางมาดูแลอย่างใกล้ชิด มีมาตรการที่ได้เป็นข้อยุติในหลายประการ ขณะนี้การทำงานของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทีมงานของกระทรวงสาธารณสุขและบุคลากรได้เข้าไปถึงพื้นที่ตั้งแต่ทราบว่ามีเหตุการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID -19 ที่เรือนจำ โดยเฉพาะการนำตัวผู้ที่ได้รับเชื้อในเบื้องต้นสู่กระบวนการบำบัดรักษา ตรวจสอบประวัติ คัดกรอง สอบสวนโรค ตามกระบวนการ
สำหรับมาตรการหลัก ได้รับความร่วมมือจากกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงยุติธรรม รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้มีการหารือกัน รวมถึงคณะกรรมการโรคติดต่อระดับจังหวัดก็ได้มีการประชุม มีมติมีมาตรการที่จะรับมือกับโรคนี้ เช่น เรื่องที่ 1. ได้กำหนดให้เรือนจำจังหวัดนราธิวาสแห่งใหม่เป็นสถานที่เพื่อเป็นโรงพยาบาลสนามจำนวนอย่างน้อย 1 แห่ง เพื่อเตรียมการรักษาผู้ที่เป็นนักผู้ต้องขัง ถ้าตรวจพบว่ามีการติดเชื้อมากกว่าจำนวนที่ได้รับการยืนยัน เป็นจำนวน 200 เตียง ซึ่งจะได้ระดมทีมงานแพทย์และสาธารณสุขในพื้นที่ภาคใต้ให้มาช่วยกันดูแล ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ เตียงสนามในพื้นที่ของเรือนจำ
สำหรับบุคคลกลุ่มเสี่ยงสูงหรือเสียงต่ำมีมาตรการตามแนวทางอยู่แล้ว โดยเฉพาะผู้ที่เสี่ยงสูงสัมผัสใกล้ชิดผู้ต้องขังของเรือนจำ มีสถานที่ Local Quarantine ที่เตรียมไว้หลายจุด จุดแรก คือ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ อำเภอระแงะ เพื่อรองรับกลุ่มเสี่ยงจากเรือนจำ ที่รองรับได้ประมาณ 150 คน ก็พร้อมดูแลสังเกตอาการของคนกลุ่มนี้อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญคือในช่วงที่ผ่านมาจะมีนักโทษที่พ้นโทษออกจากเรือนจำจังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ เนื่องจากนักโทษบางรายยังไม่ได้รับการตรวจหาเชื้อ ซึ่งได้คัดกรองสุ่มตรวจขณะนี้ แต่มีมาตรการเมื่อนักโทษออกจากเรือนจำในช่วงสัปดาห์นี้จะมีสถานที่กักกันตัวหรือเฝ้าสังเกตอาการ สำหรับผู้ที่พ้นโทษ 14 วันเป็นอย่างน้อย โดยใช้ศูนย์บำบัดยาเสพติดจังหวัดนราธิวาสเป็นสถานที่ควบคุม เฝ้าสังเกตอาการนักโทษที่พ้นโทษไปแล้วทั้งชายและหญิง สถานที่เฝ้ากักกันสังเกตอาการเมื่อครบ 14 วันไม่มีเชื้อ สามารถกลับภูมิลำเนาได้ทันที
ทั้งนี้ จังหวัดนราธิวาสโดยแพทย์ บุคลากรทางสาธารณสุข และเรือนจำ ได้ร่วมกันทำงานนับตั้งแต่ทราบสถานการณ์วันที่ 2 เมษายนเป็นต้นมา มีความเชื่อมั่นและมีความมั่นใจว่า ขณะนี้การเตรียมการรับมือทำอย่างรอบคอบและควบคุมการแพร่กระจายเชื้อ COVID -19 ไม่ให้ขยายวงกว้างไปกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งได้รับรายชื่อและมีข้อมูลผู้ที่สัมผัสในระดับต่างๆ มีมาตรการรองรับกลุ่มคนเหล่านี้อย่างเข้มข้น สำคัญที่สุดขอฝากพี่น้องชาวนราธิวาสและทุกคนที่เข้ามาในจังหวัดนราธิวาสว่ามาตรการที่จะช่วยให้ชาวนราธิวาสได้เร็ว คือ มาตรการส่วนตัวที่ทุกคนต้องมีคือ มาตรการ DMHTT ด้วยการใส่แมส ล้างมือ เว้นระยะห่าง ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ที่สำคัญเมื่อไปที่ไหนต้อง ใช้ Application ของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อรองรับมาตรการตรวจสอบในอนาคต ขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือในการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว
นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับมาตรการเดินทางเข้าออกจังหวัดนราธิวาสก็ยังคงเป็นมาตรการเดิมที่ได้วางไว้ ซึ่งจังหวัดนราธิวาสมีมาตรการในทุกด้านโดยเฉพาะผู้ที่มีโอกาสสัมผัส มีความเสี่ยงก็จะมีมาตรการที่กำหนดไว้ และขอแจ้งว่าไม่มีมาตรการที่จะปิดจังหวัด แต่ขอความร่วมมือในการดูแลตนเอง ผู้ที่สัญจรไปมาเข้ามาในพื้นที่หรืออยู่ในจังหวัดนราธิวาสก็ต้องระมัดระวัง ป้องกันตนเองตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขที่ได้กำหนดไว้นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญคือการรวมกลุ่มเป็นจำนวนมากก็ต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อระดับจังหวัดว่าจะอนุญาตหรือไม่ ในกิจกรรมที่จะจัดขึ้นในจังหวัดนราธิวาส ซึ่งการรวมตัวของคนหมู่มากจะต้องมีการชะลอหรือเลื่อนไปก่อน อยากให้ทราบว่านับจากเกิดเหตุการณ์ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีได้มีการประสานความร่วมมือในส่วนกลางอย่างใกล้ชิด โดยได้รับคำแนะนำจากผู้บริหารระดับสูงของส่วนกลาง ให้แนวทางและคอยห่วงใย โดยเมื่อวันที่ 4 – 5 เมษายนที่ผ่านมา ได้รับมอบนโยบายโดยตรงจากนายกรัฐมนตรี รวมทั้งรองนายกรัฐมนตรี ได้ฝากความห่วงใยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID -19 ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสโดยได้นำเรียนข้อมูลในแนวทางต่างๆให้ผู้บริหารระดับกระทรวงมหาดไทยได้รับทราบแล้ว ซึ่งเป็นที่พอใจ และขอให้กำลังใจทุกคนในจังหวัดนราธิวาส ซึ่งทีมงานกระทรวงสาธารณสุขกระทรวงยุติธรรม โดยเฉพาะกรมราชทัณฑ์ได้ให้ความร่วมมือในการใช้สถานที่เพื่อระงับยับยั้งเพื่อไม่ให้มีการกระจายของโรคในพื้นที่ ถือว่าสามารถทำงานได้เร็วตั้งแต่วันที่ 2 เมษายนเป็นต้นมา มีการบริหารจัดการในทุกมิติ ซึ่งจะมีการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาแต่ละจุดให้ได้เป็นอย่างดีตามระบบที่ได้วางไว้
ด้านนายแพทย์วิเศษ สิรินทรโสภณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ตามที่ศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของจังหวัดนราธิวาส ได้รับรายงานสถานการณ์ไวรัสโคโรนา 2019 ของเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังเรือนจำจังหวัดนราธิวาส รายแรกเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2564 เป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในเรือนจำ อายุ 25 ปี มีอาการเหนื่อยหอบ ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2564 เริ่มมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว หลังจากนั้นได้รับการการตรวจที่โรงพยาบาลนราธิวาส ผลออกมาว่า พบมีการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งได้ไปดู Timeline ของเจ้าหน้าที่คนนี้ เนื่องจากว่าส่วนใหญ่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในเรือนจำ มีช่วงวันที่ 26 – 27 มีนาคม 2564 ที่ไปทำกิจธุระที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาสได้ดำเนินการสอบสวนโรค แล้วก็พบข้อมูล ดังนี้ กลุ่มแรก คือ กลุ่มผู้ต้องขังในเรือนจำของจังหวัดนราธิวาส ตอนนี้ได้ตรวจหาเชื้อไปแล้ว พบว่ามีการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำนวน 93 ราย เป็นกลุ่มที่ไม่แสดงอาการ 91 ราย อาการปานกลาง 1 ราย เป็นกลุ่มที่ปอดบวมรุนแรงใช้เครื่องช่วยหายใจ จำนวน 1 ราย ซึ่งในกลุ่มที่ไม่แสดงอาการทั้งหมด 91 ราย ได้รับรักษาตัวในโรงพยาบาลสนามของเรือนจำจังหวัดนราธิวาส โดยได้จัดตั้งโรงพยาบาลสนามซึ่งประมาณการว่ารองรับได้ทั้งหมด 900 เตียง ส่วนกลุ่มที่เป็นอาการปานกลางแล้วมีอาการรุนแรง จำนวน 3 ราย เข้ารับรักษาในโรงพยาบาลนราธิวาสในสถานการณ์ของเรือนจำจะเป็นกลุ่มเฉพาะ ซึ่งการบริหารจัดการจะใช้มาตรการ Bubble and Seal หมายความว่าด้วยข้อจำกัดของการเคลื่อนย้ายผู้ต้องขังในเรือนจำ และการดูแลที่มีลักษณะเฉพาะ การดูแลคนกลุ่มนี้ต้องพยายามแยกกลุ่มเปราะบางก็คือกลุ่มที่มีอายุมากกว่า 55 ปี กลุ่มที่มีโรคประจำตัว และผู้หญิงตั้งครรภ์ รวมถึงกลุ่มที่มีอาการสงสัยว่าจะติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงสูงถ้าหากเป็นแล้วก็จะมีอาการรุนแรง อาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้ออกมาเพื่อให้ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งถ้าหากเกิดมีอาการเปลี่ยนแปลง ทีมสาธารณสุขก็สามารถช่วยเหลือไว้ได้อย่างทันท่วงทีและส่งต่อได้อย่างรวดเร็ว แล้วก็เกิดความปลอดภัยกับผู้ต้องขังทุกคน
โดยในการดูแลผู้ต้องขัง ซึ่งมีจำนวน 2,334 คน นอกจากจะต้องดูแลการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แล้ว เราจะต้องดูแลโรคประจำตัวผู้ต้องขัง รวมถึงภาวะฉุกเฉินหรืออาการเปลี่ยนแปลงอื่นๆอีก เป็นเหตุผลที่จะต้องมีโรงพยาบาลสนาม จึงมีลักษณะใกล้เคียงกับโรงพยาบาลชุมชน เพื่อให้สามารถดูแลได้เบ็ดเสร็จในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส ในกลุ่มนี้ก็ต้องขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนว่าตอนนี้ก็ต้องของดการเยี่ยมเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ กลุ่มที่ 2 ก็จะเป็นกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในเรือนจำก็มีจำนวน ทั้งหมด 96 คน ตอนนี้เราพบว่ามีการติดเชื้อ 24 คน ในจำนวน 24 คนนี้เป็นกลุ่มที่ไม่มีอาการ 23 ราย แล้วก็มีอาการเล็กน้อย 1 ราย กลุ่มนี้ทั้งหมด 24 ราย ได้รับเข้าไปไว้ในโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์แล้ว รวมทั้งติดตามผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่เป็นผู้สัมผัสผู้ป่วยจึงได้ประสานงานกับทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดที่ผู้เดินทางไปในจังหวัดนั้นแล้ว ซึ่งตอนนี้จะทำ Time Line ก็จะมีจังหวัดปัตตานี สงขลา ยะลา สุราษฎร์ นครราชสีมา กรุงเทพฯ ต่อไปกลุ่มที่ 3 คือกลุ่มที่เดินทางไปร่วมกิจกรรมที่จังหวัดสุราษฎร์ กลุ่มนี้ก็มีการเข้าร่วม ซึ่งเป็นผู้เข้าร่วมการประชุมจากจังหวัดนรา เป็นกลุ่มที่เป็นผู้ต้องขังแล้วก็เจ้าหน้าที่เรือนจำไปร่วมงานทั้งหมด 8 คน ก็ได้รับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทั้งหมด ปรากฏว่ามีผู้ต้องขังจำนวน 4 รายติดเชื้อ เจ้าหน้าที่เรือนจำจำนวน 1 ราย ซึ่งทั้งหมดนี้ได้เข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ สำหรับเจ้าหน้าที่ของจังหวัดนราธิวาสคนอื่นๆที่ไปร่วมงานทั้งหมด 207 คน ได้รับการรายงานตัวครบหมดแล้ว ก็จะมีการสังเกตอาการแล้วก็ตรวจจนถึงวันที่ 9 เมษายนนี้ จะเก็บสิ่งส่งตรวจในกลุ่มที่สัมผัสเสี่ยงสูง
อย่างไรก็ตามเนื่องจากว่าในสถานการณ์ที่มีการระบาดในเรือนจำครั้งนี้ถือเป็นลักษณะระบบปิด ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นในผู้ต้องขังในเรือนจำ อาจจะมีผู้ปฏิบัติงานในเรือนจำบางส่วน เป้าหมายของการดูแลภาพรวม คือ จะต้องเกิดความปลอดภัยทั้งในกลุ่มที่เป็นผู้ต้องขัง กลุ่มผู้ปฏิบัติงานในเรือนจำ กลุ่มที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงประชาชนทุกคนในจังหวัดนราธิวาสและจังหวัดอื่นๆ สิ่งที่ทุกคนจะต้องช่วยคือจะต้องยกการ์ดให้สูงขึ้น ในเรื่องของมาตรการการดูแลส่วนบุคคลไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรักษาระยะห่าง การสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเมื่อต้องออกจากบ้าน การล้างมือบ่อยๆด้วยน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ รวมถึงเมื่อเข้าไปในที่สาธารณะต้องมีการตรวจวัดอุณหภูมิ จึงขอความร่วมมือโดยเฉพาะการเช็คอินเมื่อเข้าไปในสถานที่ต่างๆ ซึ่งหากพบว่ามีการติดเชื้อจะได้สามารถตรวจสอบหรือติดต่อทุกคนได้
นอกจากนี้ เนื่องจากกำลังจะเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์และเทศกาลถือศีลอดของพี่น้องมุสลิม ซึ่งถือเป็นช่วงที่จะได้มีการเดินทางรวมถึงการรวมตัวเป็นจำนวนมาก ก็ขอให้ทุกคนระมัดระวังหากต้องอยู่ในที่ที่มีคนหมู่มาก หรือต้องเดินทางโดยต้องพยายามล้างมือสวมหน้ากาก ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะสามารถช่วยป้องกันโรคไวรัสโคโรนา 2019 ได้ หากทุกคนร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติ เชื่อว่าจังหวัดนราธิวาสภายใต้การนำของผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ประธานคณะกรรมการโรคติดต่อ น่าจะสามารถควบคุมโรคที่มีการระบาดในเรือนจำให้สงบได้ภายใน 28 วัน จนถึงประมาณต้นเดือนพฤษภาคม โดยหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกคนเป็นอย่างดี